พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อระบายความในใจและเปิดเผยข้อเท็จจริง 11 ประการ โดยเฉพาะเรื่องที่กัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทยมากกว่า 400 ครั้ง แม้ประท้วงไปแต่กลับได้รับการแก้ไขน้อยมาก ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้:
- ไทย-กัมพูชามีปัญหาเรื่องเส้นเขตแดนมายาวนาน เนื่องจากยึดถือหลักฐานแผนที่ที่ต่างกัน
- แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นผลผลิตจากสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ ค.ศ.1907 ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนจากเส้นสันปันน้ำจริงหลายจุด
- ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่าเพื่อแก้ไขปัญหาการยึดเส้นเขตแดนที่แตกต่างกัน จึงตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เพื่อร่วมกันจัดทำแนวเขตแดนให้ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับ
- ขณะที่ JBC ทำงาน ทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลง MOU43 ระบุไม่ให้ดัดแปลงภูมิประเทศตามแนวชายแดนซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสันปันน้ำ
- ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาละเมิด MOU43 มาโดยตลอด ขยายชุมชน สร้างกาสิโน ปลูกพืชไร่ประชิดชายแดน ทำลายสันปันน้ำ แม้ประท้วงไปกว่า 400 ครั้ง แต่ให้ความร่วมมือแก้ไขน้อยมาก
- ในพื้นที่ช่องอานม้า ก่อนเกิดเหตุเผาศาลาตรีมุข (28 ก.พ.68) ทหารกัมพูชาวางกำลังห่างชายแดนไม่น้อยกว่า 500 เมตร ฝ่ายไทยก็วางกำลังห่างระยะใกล้เคียงกัน ถือเป็นพื้นที่แห่งสันติภาพ
- วันที่ 28 ก.พ.68 กัมพูชาเผาศาลาตรีมุข และเคลื่อนกำลังขึ้นมาวางที่ต้นพญาสัตบรรณ ซึ่งล้ำอธิปไตยไทยเข้ามาประมาณ 150 เมตร รวมถึงขุดคูเลททำลายสันปันน้ำ ละเมิด MOU43
- ฝ่ายไทยพยายามแก้ปัญหาโดยสันติ เจรจาขอให้ถอนกำลังที่รุกล้ำอธิปไตยไทยออกไปหลายครั้ง แต่กัมพูชาไม่ยอมถอน จนมีการใช้อาวุธเมื่อวันที่ 28 พ.ค.68
- กัมพูชาอ้างว่าถูกรุกราน ไทยไม่แก้ปัญหาโดยสันติ และจะขยายความขัดแย้งสู่ศาลโลก ทั้งที่ทั้งสองประเทศมีกลไกแก้ไขปัญหาร่วมกันอยู่
- กัมพูชายังเสริมกำลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ พยายามจะนำกำลังขยายไปควบคุมพื้นที่อื่นๆ ตลอดแนวชายแดน ซึ่งเดิมทั้งสองฝ่ายไม่มีการวางกำลัง
- เราควรเปิดหน้าคุยกันอย่างลูกผู้ชาย ถ้าเรื่องถึงโรงถึงศาลลูกหลานเราก็จะเป็นปรปักษ์กันตลอดไป จะเกิดประโยชน์อะไรถ้าคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน