ระทึก แก๊งขนยาไอซ์กว่าครึ่งตันชนรถตำรวจ ก่อนหนีไปตกร่องน้ำข้างทางเชียงราย
เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ศปก.ทบ. ตรวจยึดไอซ์ 599 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 299.5 ล้านบาท กลางดึกคืนวันที่ 17 สิงหาคม 2566 บนถนนระหว่างอำเภอเมืองเชียงรายกับอำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย
เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติดชาวม้งในพื้นที่เชียงรายจะขนไอซ์จำนวนมากจากชายแดนไทย-เมียนมา เข้าจุดพักรอในพื้นที่อำเภอพญาเม็งราย ก่อนส่งให้เครือข่ายในเขตอำเภอเมืองเชียงราย ทำการขนลำเลียงต่อเข้าชั้นในของประเทศต่อไป
เจ้าหน้าที่จึงประสานหน่วยงานต่างๆ ทำการสกัดกั้นบนถนนดังกล่าว กระทั่งตรวจพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า สีขาว ติดป้ายทะเบียนเชียงราย มีลักษณะบรรทุกสัมภาระจำนวนมาก ขับมาจากพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย
เจ้าหน้าที่เห็นว่าตรงกับที่ได้รับแจ้งจึงนำกำลังออกสะกดรอยติดตาม จนรถคันดังกล่าวขับข้ามสะพานข้ามแม่น้ำกก ไปถึงสี่แยกใหม่บัวแดง-แยกป่าซางหัวฝาย เขตอำเภอเมืองเชียงราย ปรากฏว่าคนขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้ไหวตัวเร่งเครื่องขับหลบหนีไปทางท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามนำรถเข้าขวางเอาไว้ แต่คนขับกระบะเป้าหมายได้ขับชนรถของเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะขับรถหนีต่อไปได้
กระทั่งถึงหลักกิโลเมตรที่ 23 ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมืองเชียงราย รถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้เลี้ยวหลบไปยังพงหญ้าข้างทาง แต่จุดดังกล่าวมีร่องน้ำอยู่จึงทำให้รถพลิกคว่ำติดในร่องน้ำ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าไปปิดล้อมไว้ แต่คนขับรถยนต์กระบะซึ่งคาดว่าเดินทางมาเพียงลำพังได้ทิ้งรถแล้ววิ่งหลบหนีไปกับความมืดก่อนแล้ว
เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบที่กระบะท้ายรถพบบรรทุกกระสอบฟางสีรุ้งที่ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกทึบสีดำมาด้วย 13 กระสอบ แต่ละกระสอบบรรจุห่อไอซ์ 30 ก้อน และที่ห้องโดยสารพบกระสอบฟางลักษณะเดียวกันอีก 7 กระสอบ บรรจุไอซ์กระสอบละ 30 ก้อน จำนวน 6 กระสอบ บรรจุไอซ์เพียง 29 ก้อน จำนวน 1 ใบ รวมของกลางไอซ์ทั้งหมด 599 ก้อน ก้อนละ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนักทั้งหมด 599 กิโลกรัมดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 และออกขยายผลติดตามหาผู้ที่หลบหนีเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยทั่วไป” ต่อไป