เห็ดห้า (เห็ดตับเต่า) สรรพคุณดี เพาะขายราคางาม
เห้ดห้า หรือเห็ดตับเต่า จัดเป็นเห็ดขนาดใหญ่ที่พบได้ในทุกภาค และนิยมนำมารับประทาน เนื่องจาก ดอกเห็ดมีขนาดใหญ่ เนื้อเห็ดมีความนุ่ม และลื่น ใช้ทำอาหารได้ทั้งดอกเห็ดอ่อน และดอกเห็ดแก่ เพราะถึงแม้ดอกเห็ดจะแก่ แต่ยังให้เนื้อเห็ดที่นุ่มลื่นเหมือนดอกเห็ดอ่อน นำมาทำได้หลากหลายเมนู ทั้งภาคเหนือและภาคอื่นๆ
เห็ดตับเต่า ในเมืองไทยมี 2 ชนิด คือ เห็ดตับเต่าดำ และเห็ดตับเต่าขาว ซึ่งทั้ง 2 ชนิด จัดเป็นเชื้อราเอ็คโตไมคอร์ไรซา (ectomycorrhiza) ซึ่งจะเจริญอยู่ร่วมกับรากต้นไม้ยืนต้นแบบพึ่งพาอาศัยกัน
เห็ดตับเต่าดำ เห็ดตับเต่าดำ เป็นเห็ดขนาดใหญ่ที่นิยมรับประทานมากในทุกภาค ซึ่งมักพบตามป่าโปร่ง ป่าเบญจพรรณ สวนป่า สวนยางพารา สวนผลไม้ หรือตามหัวไร่ปลายนาใต้ต้นไม้ โดยมักจะออกตั้งแต่ช่วงต้นฤดูฝนจนถึงปลายฤดูฝน
และเห็ดตับเต่าขาว เห็ดตับเต่าขาว เป็นเห็ดขนาดใหญ่คล้ายกับเห็ดตับเต่าดำ ซึ่งที่นิยมรับประทานมากในทุกภาคเช่นกัน แต่แหล่งที่พบส่วนมากจะตามป่าโปร่ง ป่าละเมาะหรือทุ่งหญ้าที่มีซากใบไม้ทับถมกันหนา ซึ่งต่างกับเห็ดตับเต่าดำที่พบได้ตามใต้ต้นไม้ในทุกที่ รวมทั้งสวนป่าหรือตามบ้านเรือน แต่จะออกดอกให้เห็นในช่วงเดียวกันคือออกตั้งแต่หลังช่วงต้นฤดูฝนจนถึงปลายฤดูฝน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phaeogyroporus portentosus
• ชื่อสามัญ : King bolete mushroom (Black)
• ชื่อท้องถิ่น :
ภาคกลาง และทั่วไป
– เห็ดตับเต่าดำ
ภาคเหนือ
– เห็ดห้า
ภาคอีสาน
– เห็ดผึ้ง
– เห็ดเผิ่ง (เพี้ยนจากคำว่า ผึ้ง)
สรรพคุณเห็ดตับเต่า
– บำรุงร่างกาย
– แก้หวัด
– บรรเทาอาการปวดข้อ
ประโยชน์เห็ดตับเต่า
1. ใช้ประกอบอาหารรับประทาน
เห็ดตับเต่าทั้งดอกอ่อน และดอกแก่ เมื่อนำมาประกอบอาหารด้วยการต้มหรือแกงจะมีเนื้อนุ่ม และมีเมือกลื่น ทำให้เป็นที่นิยมรับประทานมาก ทั้งนี้ ดอกเห็ดอ่อนหรือดอกเห็ดขนาดเล็กจะมีเนื้อค่อนข้างแข็ง และเหนียวกว่าดอกเห็ดขนาดกลาง และใหญ่ ส่วนเมนูที่นิยมทำ ได้แก่ แกงเห็ดตับเต่า แกงอ่อมใส่เห็ดตับเต่า ซุปเห็ดตับเต่า และยำเห็ดตับเต่า เป็นต้น
2. ใช้เป็นสีย้อม
ดอกเห็ดตับเต่าดำ เมื่อต้มน้ำแล้วจะได้น้ำสีดำ ซึ่งสามารถใช้ย้อมผ้าให้เป็นสีดำได้ แต่ประโยชน์ในด้านนี้ ไม่เป็นที่ทำกัน เพราะเห็ดมีราคาแพง และให้ประโยชน์ในด้านอาหารมากกว่า แต่เห็ดชนิดอื่นที่เกิดจากเชื้อเดียวกันที่ให้ดอกเห็ดสีสดใส อาทิ สีเหลือง สีแดง สีชมพู ก็อาจนำมาย้อมผ้าบ้างในบางประเทศ
3. เพิ่มการเติบโตของพืช
เชื้อราเอคโตไมคอร์ไรซาหรือเชื้อเห็ดตับเต่าช่วยเพิ่มการเติบโตของต้นพืช เนื่องจาก รากที่มีเชื้อเกาะจะมีการขยายใหญ่ขึ้น และเส้นใยของราเองยังทำหน้าที่เป็นรากฝอยที่คอยดูดน้ำหรือสารอาหารมาเก็บสะสมไว้ในเส้นใยที่รวมอยู่กับรากพืช
4. ป้องกันเชื้อราที่เป็นโรคพืช
เชื้อราเอคโตไมคอร์ไรซาหรือเชื้อเห็ดตับเต่าทำหน้าที่ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราชนิดอื่นที่อาจทำความเสียหายแก่รากพืชได้ เพราะเชื้อราเห็ดตับเต่าจะเติบโตล้อมรอบรากไว้ไม่ให้เชื้อราอื่นเติบโตในบริเวณโดยรอบได้
5. ช่วยให้ต้นไม้ทนต่อความเป็นพิษของดิน
เนื่องจากเชื้อเห็ดตับเต่าที่อยู่ล้อมรอบบริเวณรากจะหุ้มรากไว้ และช่วยในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในดินโดยรอบ และช่วยปรับปรุงคุณภาพดินที่เป็นพิษโดยรอบราก ทำให้สภาพดินเอื้อต่อการเติบโต และขยายตัวของรากได้ถึง
6. เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพสิ่งแวดล้อม
เชื้อเห็ดตับเต่า หากพบเกิดบริเวณใด ถือว่าเป็นสิ่งชี้บ่งถึงสภาพแวดล้อมที่สะอาด โดยเฉพาะคุณภาพ และความอุดมสมบูรณ์ของดิน
การเพาะเห็ดตับเต่า
1. การใช้เชื้อเปียก/เชื้อจากดอกเห็ด
วิธีนี้ เป็นวิธีที่นิยม และง่ายที่สุด ด้วยการนำดอกเห็ดตับเต่าที่แก่แล้วมาขยำผสมกับดินเหนียวหรือน้ำ หลังจากนั้น นำรากกล้าไม้หรือก้อนกล้าไม้มาคลุกกับดินที่ผสมแล้วหรือนำกล้าไม้มาจุ่มในน้ำที่ผสมเชื้อแล้ว นำไปปลูกลงดิน หากใช้น้ำให้ใช้ดอกเห็ด 1 ดอก กับน้ำ 20 ลิตร หากใช้ดิน ให้ใช้ดอกเห็ด 1 ดอก กับดินประมาณ 20 กิโลกรัม ด้วยการนำเห็ดมาคลุกผสมน้ำก่อน 2-5 ลิตร ก่อนฉีดพรมผสมกับดิน
สำหรับการใช้กับต้นไม้ใหญ่เพื่อเพาะให้เกิดดอกเห็ด ให้เลือกไม้ยืนต้นที่มีร่มเงาแล้ว และพื้นที่ควรเป็นดินเหนียว โดยหลังจากที่เตรียมเชื้อในน้ำหรือคลุกกับดินแล้ว ให้ขุดถากหน้าดินบริเวณรอบโคนต้นไม้ให้เห็นถึงรากไม้ ก่อนจะใช้น้ำผสมเชื้อเทราดรอบโคนต้น ส่วนการใช้ดินผสมให้หว่านดินที่ผสมเชื้อรอบๆโคนต้น ก่อนจะเกลี่ยดินกลบรากไว้ตามเดิม
นอกจากการใส่เชื้อเห็ดตามรากไม้ยืนต้นแล้ว ยังสามารถเพาะโดยใช้แนวทางอื่นๆได้เช่นกัน ได้แก่
การราดเชื้อในสวนพืชผัก อาทิ ใช้ดอกเห็ดมาขยำในน้ำ ก่อนนำรดในแปลงโสน หรือ ปอเทือง เป็นต้น ซึ่งหลังการราดเชื้อแล้ว ควรรดน้ำเป็นประจำ วันละ 1 ครั้ง
2. การใช้เชื้อจากดิน
วิธีนี้ ไม่ค่อยนิยมนัก เพราะมีโอกาสเกิดเชื้อเห็ดน้อย เพราะดินที่นำมาใช้อาจไม่มีเชื้อเหลืออยู่หรือเหลือน้อยมากจนมีเชื้ออื่นเติบโตแทน
วิธีนี้ทำได้ด้วยการนำดินบริเวณที่เคยมีเห็ดตับเต่าเติบโตมาหมักผสมกับขี้เลื่อยประมาณ 1 เดือน ก่อนจะนำไปคลุกกับดินบริเวณรากไม้ยืนต้นหรือหว่านโรยในแปลงพืชล้มลุก ก่อนการปลูก
เห็ดห้าหรือเห็ดตับเต่าซึ่งราคาตอนนี้ก็จะประมาณ กิโลกรัม 300 – 400 บาท ตามฤดูกาล และพื้นที่
วิธีทำแกงเห็ดห้า
ส่วนผสม | |||
1. | เห็ดตับเต่า | 200 | กรัม |
2. | เนื้อหมูบด | 50 | กรัม |
3. | มะเม่า | 5 | ยอด |
เครื่องแกง | |||
1. | พริกแห้ง | 3 | เม็ด |
2. | พริกขี้หนูแห้ง | 5 | เม็ด |
3. | หอมแดง | 5 | หัว |
4. | กระเทียม | 10 | กลีบ |
5. | กะปิหยาบ | 1/2 | ช้อนโต๊ะ |
6. | เกลือ | 1 | ช้อนชา |
1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2. ต้มน้ำ พอเดือด ละลายเครื่องแกงในน้ำเดือด
3. ใส่เนื้อหมูบด
4. พอหมูสุก ใส่เห็ดตับเต่า คนให้เข้ากัน รอจนเห็ดสุก
5. ใส่ยอดมะเม่า คนให้เข้ากัน ปิดไฟ