
สปส. เตรียมปรับสูตรเงินสมทบประกันสังคมปี 2569 “จ่ายตามจริง ได้ประโยชน์ตามจริง”
29 สิงหาคม 2568 — สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ประกาศเปลี่ยนโครงสร้างเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในปี 2569 ภายใต้แนวคิด “จ่ายตามจริง ได้ประโยชน์ตามจริง” โดยเปลี่ยนมาใช้ระบบเงินสมทบแบบ ขั้นบันได 3 ระยะ ตามระดับรายได้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและสอดรับกับภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป
รายละเอียดโครงสร้างใหม่:
| ระยะเวลา | เพดานค่าจ้าง (บาท) | เงินสมทบสูงสุด/เดือน (บาท) |
|---|---|---|
| ปี 2569–2571 | 17,500 | 875 |
| ปี 2572–2574 | 20,000 | 1,000 |
| ปี 2575 เป็นต้นไป | 23,000 | 1,150 |
สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นตามเพดานค่าจ้าง:
- ปัจจุบัน (ค่าจ้าง 15,000 บาท, สมทบ 750 บาท):
- เงินทดแทนเจ็บป่วย: 7,500 บาท/เดือน
- เงินหยุดงานคลอดบุตร: 22,500 บาท/ครั้ง
- เงินทุพพลภาพ: 7,500 บาท/เดือน
- เงินสงเคราะห์เสียชีวิต: 90,000 บาท
- เงินทดแทนว่างงาน: 7,500 บาท/เดือน
- บำนาญ (ส่งสมทบ 15 ปี): 3,000 บาท/เดือน; (25 ปี): 5,250 บาท/เดือน
- ปี 2569–2571 (ค่าจ้าง 17,500 บาท, สมทบ 875 บาท):
- เจ็บป่วย: 8,750 บาท/เดือน
- คลอดบุตร: 26,250 บาท/ครั้ง
- ทุพพลภาพ: 8,750 บาท/เดือน
- เสียชีวิต: 105,000 บาท
- ว่างงาน: 8,750 บาท/เดือน
- บำนาญ: (15 ปี) 3,500 บาท/เดือน; (25 ปี) 6,125 บาท/เดือน
- ปี 2572–2574 (ค่าจ้าง 20,000 บาท, สมทบ 1,000 บาท):
- เจ็บป่วย: 10,000 บาท/เดือน
- คลอดบุตร: 30,000 บาท/ครั้ง
- ทุพพลภาพ: 10,000 บาท/เดือน
- เสียชีวิต: 120,000 บาท
- ว่างงาน: 10,000 บาท/เดือน
- บำนาญ: (15 ปี) 4,000 บาท/เดือน; (25 ปี) 7,000 บาท/เดือน
- ปี 2575 เป็นต้นไป (ค่าจ้าง 23,000 บาท, สมทบ 1,150 บาท):
- เจ็บป่วย: 11,500 บาท/เดือน
- คลอดบุตร: 34,500 บาท/ครั้ง
- ทุพพลภาพ: 11,500 บาท/เดือน
- เสียชีวิต: 138,000 บาท
- ว่างงาน: 11,500 บาท/เดือน
- บำนาญ: (15 ปี) 4,600 บาท/เดือน; (25 ปี) 8,050 บาท/เดือน
จุดประสงค์ของการปรับสูตร:
- ยกระดับสิทธิประโยชน์ให้ “สอดคล้องกับการจ่ายจริง” เพิ่มความคุ้มครองให้ผู้ประกันตน
- ผู้มีรายได้สูงจะจ่ายสมทบในอัตราที่สูงขึ้น พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีเหตุผล
- ผู้มีรายได้น้อยจะยังได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมตามศักยภาพการจ่ายของตนเอง
สรุป: การปรับโครงสร้างเงินสมทบประกันสังคมครั้งนี้ เน้นหลักความเป็นธรรม โดยให้ผู้มีรายได้สูงจ่ายมากขึ้นแลกกับสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้น ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยยังได้รับการดูแลในระดับที่เหมาะสม เป็นความพยายามบาลานซ์ระหว่างสิทธิและภาระที่เท่าเทียม