เปรียบเทียบ “30 บาท รักษาทุกที่” ต่างจาก “บัตรทอง” อย่างไร

รวบตึงสิทธิประโยชน์ของโครงการ “30 บาท รักษาทุกที่” นโยบายทันสมัยที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้ง่าย และเหมาะสมกับยุคเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเริ่มต้นจากการแก้ไขปัญหาในโครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค” ที่มีเพียงโรงพยาบาลรัฐเท่านั้นที่รองรับ โดยการพัฒนาการจัดการข้อมูลในการบันทึกประวัติผู้ป่วย และเพิ่มแอปพลิเคชันหมอพร้อมเข้ามาใช้ในการจ่ายยา และให้คำปรึกษาทางไกลสำหรับแพทย์เฉพาะทางและผู้ป่วยที่อยู่ห่างกัน รวมถึงการขยายการรักษาโรคมะเร็งเพิ่มเติม

สิทธิประโยชน์ของโครงการ “30 บาท รักษาทุกที่” มีดังนี้:

1. จองคิวออนไลน์เพื่อลดเวลารอที่โรงพยาบาล

ผู้ป่วยสามารถจองคิวผ่านแอปหมอพร้อมได้ โดยไม่ต้องไปรับบัตรคิวที่โรงพยาบาล และเมื่อไปถึงโรงพยาบาลตามเวลาที่นัดหมาย สามารถโชว์หน้าจอแอปพลิเคชันหมอพร้อมพร้อมกับบัตรประชาชน เพื่อเข้ารับบริการได้ทันที นอกจากนี้ หากต้องการตรวจเลือด ปัสสาวะ หรือตรวจแล็บ ผู้ป่วยสามารถเลือกที่จะรับบริการที่โรงพยาบาล หรือแล็บสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการได้ รวมถึงสามารถรับยาที่บ้านหรือร้านขายยาที่ร่วมโครงการ เพื่อลดเวลารอหมอและเวลาที่อยู่โรงพยาบาล

2. บริการทำฟันและกายภาพบำบัดฟรีในโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ

ผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการทันตกรรมและกายภาพบำบัดในคลินิกที่เข้าร่วมโครงการได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

3. รักษาข้ามจังหวัดได้ด้วยการยื่นบัตรประชาชนเพียงใบเดียว

ผู้ป่วยที่ต้องการรักษาตัวในพื้นที่อื่นจังหวัดสามารถใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวเพื่อรับบริการได้ โดยไม่ต้องขอใบส่งตัวอีก สำหรับผู้ป่วยใน 4 จังหวัดนำร่อง (เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ หนองบัวลําภู อํานาจเจริญ) โดยไม่ต้องพกเอกสารหรือเตรียมเงินสำรองให้ยุ่งยาก และคาดว่าจะครอบคลุมทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศในปีนี้

4. ขอรับสิทธิ์ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง

ผู้ป่วยสามารถขอรับสิทธิ์ดูแลระยะสุดท้ายจากสถานชีวาภิบาลหรือสถานพยาบาลได้ เพื่อกลับไปรักษาตัวในช่วงชีวิตที่เลือกอยู่ตามความต้องการ แตกต่างจากเดิมที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเท่านั้น

5. แพทย์สั่งจ่ายยาออนไลน์ได้ ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล

ผู้ป่วยที่พบแพทย์ออนไลน์แล้วสามารถรับใบสั่งยาที่แสดงบนแอปพลิเคชันหมอพร้อม โดยสามารถแสดงหน้าจอแอปพลิเคชันพร้อมบัตรประชาชนเพื่อยืนยันกับเภสัชกรที่ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ และสามารถรับยาที่บ้านหรือร้านยา ผ่านทางไปรษณีย์ได้ในเดือนมีนาคม 2567 โดยจะขยายเป็นจังหวัดเพิ่มเติมอีก 8 จังหวัด (เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ หนองบัวลําภู อํานาจเจริญ นครราชสีมา สิงห์บุรี สระแก้ว พังงา)

6. มีบริการพบแพทย์ทางไกล

ผู้ป่วยที่ต้องพบแพทย์เฉพาะทาง แต่การเดินทางไม่สะดวก สามารถใช้ระบบบริการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อติดต่อกับหมอประจำโรงพยาบาลจังหวัดนั้น ๆ

7. บันทึกประวัติสุขภาพออนไลน์

เพื่อลดขั้นตอนซักประวัติที่ไม่จำเป็น สำหรับผู้ถือบัตรทองอยู่แล้ว ข้อมูลสุขภาพถูกบันทึกไว้ในหมอพร้อม เพื่อเชื่อมโยงประวัติการรักษาให้ถึงกันทุกโรงพยาบาล ช่วยให้ไม่เสียเวลาในการซักประวัติใหม่ และช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

8. การรักษาโรงมะเร็งครบวงจร

สิทธิ์ที่เพิ่มเข้ามาจากสิทธิบัตรทองเดิมคือการรักษามะเร็งครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มเด็ก การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม หากตรวจพบก็จะถูกส่งต่อเข้ารับการรักษาต่อไป

สามารถตรวจสอบรายชื่อหน่วยบริการเอกชน 4 จังหวัดบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ได้ที่เว็บไซต์ของสปสช. หรือที่ลิงก์ www.nhso.go.th