วันจันทร์, 24 มีนาคม 2568

สรุป ตามรอย “พระเจ้าล้านตื้อ” พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่แห่งลำน้ำโขง ที่จมอยู่ในแม่น้ำโขง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

ตามรอยองค์พระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่จมอยู่ในลำน้ำโขง

บริเวณลำน้ำโขงหน้าเมืองเชียงแสน จังหวัดเชียงราย นับเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีมาก ตามตำนานและหลักฐานต่างๆ ระบุว่า ในอดีตมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประทับอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำ ซึ่งปัจจุบันถูกกัดกร่อนจนไม่มีร่องรอยหลงเหลืออยู่แล้ว

ชาวบ้านเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระเจ้าล้านตื้อ” จากการพบเห็นเพียงส่วนหนึ่งโผล่พ้นน้ำเท่านั้น แต่ไม่มีใครเคยเห็นทั้งองค์มาก่อน หากสันนิษฐานจากพระรัศมีขนาดใหญ่ที่ค้นพบ คาดว่าพระพุทธรูปองค์นี้น่าจะมีความสูงประมาณ 10 เมตร และกว้างถึง 8.5 เมตร ซึ่งนับเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย

ภาพ เกาะดอนแท่น ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2501 (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม, กรกฎาคม 2545)
… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/history/article_93359

ตามบันทึกในพงศาวดารระบุว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีชื่อเรียกว่า “พระเจ้าทองทิพ” และถูกนำมาจากเมืองเชียงใหม่ในสมัยพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา เพื่อประดิษฐานบนเกาะกลางแม่น้ำโขงหน้าเมืองเชียงแสน ให้เป็นสิ่งสักการะของชาวเมืองและเทวดา การเคลื่อนย้ายต้องใช้บุคลากรจำนวนมากและมีพิธีการอย่างยิ่งใหญ่

นอกจากนี้ ยังมีการนำต้นพระศรีมหาโพธิ์มาปลูกบนเกาะด้วย เพื่อเป็นสักขีพยานความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปองค์นี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระพุทธรูปต่อชาวเมืองในสมัยนั้นเป็นอย่างยิ่ง

ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไป เกาะกลางแม่น้ำโขงถูกกัดกร่อนจนหายไป ทำให้พระพุทธรูปและวัดวาอารามต่างๆ บนเกาะจมหายลงไปในกระแสน้ำ จนกลายเป็นตำนานที่สืบทอดกันมานานนับร้อยปี

หลายครั้งที่มีการพยายามค้นหาและขุดค้นพระพุทธรูปองค์นี้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากยังไม่ทราบตำแหน่งที่แน่ชัด รวมถึงข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและงบประมาณ จนกระทั่งปัจจุบัน ทางกรมศิลปากรได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มดำเนินการสำรวจและค้นหาตำแหน่งที่พระพุทธรูปองค์นี้จมอยู่อีกครั้ง

หากสามารถค้นพบและขุดค้นพระพุทธรูปองค์นี้ได้สำเร็จ จะนับเป็นการค้นพบโบราณวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะอย่างยิ่ง เนื่องจากนอกจากจะเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทยแล้ว ยังเป็นสิ่งสะท้อนถึงความรุ่งเรืองของอารยธรรมล้านนาในอดีตกาล รวมถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของชาวพุทธในการสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อเป็นที่เคารพสักการะ

การค้นพบพระพุทธรูปองค์นี้ จะทำให้เรามีโอกาสได้ศึกษาประวัติศาสตร์และรูปแบบทางศิลปะของชาวล้านนาในอดีตได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้แก่คนไทยทุกคนที่มีมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่ายิ่งเช่นนี้

ซากโบราณสถานวัดกู่คำ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าห่างจากจุดนี้ออกไปเป็นบริเวณที่ใช้ประกอบพิธีบวงสรวง และมีพระพุทธรูปจมอยู่ (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม, กรกฎาคม 2545)… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/history/article_93359

ดังนั้น การตามรอยองค์พระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่จมอยู่ในลำน้ำโขงจึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการเปิดเผยความลับทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นการรื้อฟื้นมรดกอันล้ำค่าของบรรพชนไทยให้คงอยู่สืบไป

และล่าสุดก็ขุดพบเจอ ในที่สุดก็เจอ พระพุทธรูปใต้น้ำโขง องค์ใหญ่งดงามที่สุด ลุ้นให้ตรงกับพระเกศโมลีในพิพิธภัณฑ์เชียงแสน

จากกรณีเมื่อ 16 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่นใน สปป.ลาว ได้รายงานว่า ได้มีการพบพระพุทธรูปและวัตถุโบราณหลายชิ้น ภายในหาดทรายกลางแม่น้ำโขง ฝั่งเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงกันข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย คาดว่าเป็นบริเวณวัดเก่าแก่และเมืองเก่าสมัยอาณาจักรสุวรรณโคมคำในยุคนับพันปีก่อน โดยการค้นพบมีขึ้นเมื่อวันที่ 16 มี.ค.หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงได้ลดลงจนกลายเป็นหาดทรายกว้าง และชาวบ้านได้พบเห็นส่วนบนของพระพุทธรูปโผล่ขึ้นมาจึงพากันไปขุนค้นต่อ

ล่าสุด เฟซบุ๊ก ขัตติยะบารมี ขัตติยะ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ในคณะค้นหา โพสต์ว่าเมื่อช่วงเช้า (16 พ.ค.) เวลา 10.20 น. มีการพบฐานพระพุทธรูปฝังอยู่ในทราย และต่อมาก็ได้ขุดพบเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งเป็นขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบในบริเวณนี้ คาดว่าเป็นองค์พระประธาน อยู่ในสภาพสวยงามและสมบูรณ์มาก สร้างความปลื้มปิติให้กับพระอาจารย์และคณะทำงานเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ เพจ ຄວາມສະຫງົບ Lao Security News ยังได้เผยแพร่ภาพจิกโมลีเหมือนที่ประดิษฐานอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ซึ่งการพบพระพุทธรูปองค์ใหญ่กลางแม่น้ำโขงสอดคล้องกับตำนานโบราณที่เล่ากันว่าเคยมีพระพุทธรูปล้านตื้อ ประดิษฐานอยู่ในวัดบนเกาะกลางแม่น้ำโขง แต่ได้ล่มสลายไปเมื่อแม่น้ำกัดเซาะจนพระพุทธรูปจมหายไป กลุ่มนักโบราณคดีจึงพยายามตามหาส่วนขององค์พระที่หายไป จนได้มาเจอพระพุทธรูปองค์นี้ที่สมบูรณ์ทุกส่วนยกเว้นส่วนพระเกศโมลีที่ว่างเปล่า

สรุปจากบทความ : ตามรอย “พระเจ้าล้านตื้อ” พระพุทธรูปแห่งลำน้ำโขง