วันพฤหัสบดี, 10 กรกฎาคม 2568

ศึกชิงตลาดอาหาร เมื่อร้านจีนบุกไทย

ใครจะคิดว่าวันหนึ่ง ร้านชานมไข่มุกข้างทางจะกลายเป็นสนามรบทางธุรกิจระหว่างแบรนด์จีนและร้านท้องถิ่น? การขยายตัวอย่างรวดเร็วของเชนร้านอาหารจากแดนมังกร อย่าง Mixue, Haidilao และ Cotti Coffee กำลังสั่นสะเทือนวงการอาหารในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กลยุทธ์พิชิตใจผู้บริโภค

  1. ราคาสุดคุ้ม: Mixue เสิร์ฟชานมไข่มุกราคาเบาๆ ดึงดูดวัยรุ่นที่อยากจิบชาคุยเพลินโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
  2. คุณภาพโดนใจ: ควบคุมวัตถุดิบจากต้นทางในจีน รักษามาตรฐานรสชาติให้คงที่ทุกสาขาทั่วโลก
  3. บริการหลากหลาย: Haidilao โดดเด่นด้วยบริการระหว่างรอคิว ทั้งขนม ไอศกรีม และทำเล็บฟรี

ปรากฏการณ์ที่น่าจับตา

  • การเติบโตแบบก้าวกระโดด: Mixue มีสาขากว่า 36,000 แห่งทั่วโลก ขณะที่ Cotti Coffee เปิดตัวในไทยด้วยกาแฟราคาเพียง 45 บาท
  • การปรับตัวเข้ากับท้องถิ่น: Mixue ในไทยเพิ่มเมนูชาไทย ชาเขียว และนมเย็น เพื่อเอาใจลูกค้าชาวไทย
  • โมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง: ใช้ระบบแฟรนไชส์ในการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในอินโดนีเซียที่มีสาขากว่า 2,400 แห่งภายในเวลาไม่ถึง 4 ปี

ผลกระทบต่อธุรกิจไทย

  1. การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น: ร้านอาหารไทยต้องปรับตัวเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด
  2. โอกาสในการพัฒนา: ผู้ประกอบการไทยได้เรียนรู้กลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อยกระดับธุรกิจ
  3. ประโยชน์ต่อผู้บริโภค: มีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้น ทั้งในด้านราคาและคุณภาพ

มุมมองนักวิเคราะห์

ยูจิ คาโตะ จาก Nomura Research Institute Thailand มองว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนผลักดันให้แบรนด์จีนขยายธุรกิจมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง

บทสรุป

การเข้ามาของเชนร้านอาหารจีนในไทยไม่ใช่แค่กระแสชั่วครู่ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดอาหารในยุคโลกาภิวัตน์ ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับตัว พัฒนาคุณภาพ และสร้างจุดแข็งของตนเอง เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็จะได้รับประโยชน์จากการมีตัวเลือกที่หลากหลายและคุ้มค่ามากขึ้น

ท้ายที่สุด การเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารควรอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสมดุลและขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืน

(อ้างอิง: nikkeiasia)