วันศุกร์, 4 ตุลาคม 2567

เที่ยวทะเลหมอกภูผาตั้ง มหัศจรรย์ช่องเขาขาด

ทะเลหมอกภูผาตั้ง

ทะเลหมอกภูผาตั้ง..มหัศจรรย์ช่องเขาขาด.. ลมเย็นแห่งเหมันตฤดูพัดเอื่อยโชยมายามเช้าตรู่ ท้องฟ้าสีฟ้าอมชมพูแกมแสดที่เห็นอยู่สุดริมขอบฟ้าเบื้องหน้าทำให้นึกถึงการชมทะเลหมอกบนภูชี้ฟ้ามาทันที มาปีนี้อยากเปลี่ยนที่ชมทะเลหมอกไปอีกฝากฝั่งหนึ่งที่ภูผาตั้ง เคยได้ยินคำกล่าวว่าที่นี้ก็มีทะเลหมอกที่สวยงามกว้างไกลสุดสายตา บรรยากาศก็เย็นสบาย และมีอะไรให้ค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ อีกมาก

จากจังหวัดเชียงรายเราใช้เส้นทางสายเชียงราย – เทิง ( ทางหลวงหมายเลข 1020 ) เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางปางค่า – ภูชี้ฟ้า ( ทางหลวงหมายเลข 1021 ) ที่แยกบ้านปี้ ราว 21 กิโลเมตร ถึงแยกบ้านร่มฟ้าไทย ( เลี้ยวขวาไปทางภูชี้ฟ้า ) เลี้ยวซ้ายตรงไปอีก 20 กิโลเมตร ถึงบ้านร่มฟ้าสยาม เป็นจุดนัดพบกับคุณอนันต์ บรรลุศักดิ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลปอ อ.เวียงแก่นเพื่อเข้าที่พักที่ร่มฟ้าสยามฮิลล์รีสอร์ท ก่อนจะไปชมพระอาทิตย์ตกดินบนภูผาตั้ง

ภูผาตั้งหรือดอยผาตั้ง ตั้งอยู่ที่บ้านผาตั้ง หมู่ที่ 14 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เดิมเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลจัดสรรให้ทหารจีนสังกัดกองพล 93 มาตั้งถิ่นฐาน เช่นเดียวกับที่ดอยแม่สลอง ลักษณะเป็นสันเขาคดเคี้ยว มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามจับตาน่าชมยิ่ง โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์อัศดงยามเย็น ท้องฟ้าสดใสประดับทิวเมฆปุยยาวเรียงขนานไปตามแนวพื้นเหนือเนินเทือกเขา ประดับสีสันสีชมพูอมแสด มองเห็นดวงตะวันกลมโตสีส้มฉูดฉาดค่อยๆ ลับทิวเมฆกลืนลงไปตามแนวสันเขายิ่งงดงาม ประทับใจ

จากบ้านร่มฟ้าสยามเดินทางขึ้นมาทางเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร จะถึงทางแยกขึ้นไปภูผาตั้งระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถึงปากทางขึ้นภูผาตั้งซึ่งเป็นฐาน ตชด.เดิม มีลานจอดรถกว้างใหญ่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านค้าอาหารและของที่ระลึก และห้องน้ำสะอาดไว้รองรับนักท่องเที่ยว ทางขึ้นภูผาตั้งได้มีการจัดทำบันไดหินคอนกรีตทำให้สะดวกสบายต่อการเดินขึ้นภูมากขึ้น จากปากทางขึ้นไปประมาณ 20 เมตร จะได้พบกับช่อง “ผาบ่อง ประตูสยาม” อันเปรียบเสมือนประตูจากประเทศไทยสู่ประเทศลาวที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าและสายน้ำโขงที่พาดผ่านเป็นเส้นยาวผ่านแนวป่าอย่างชัดเจน

ถัดจากช่องผาบ่องขึ้นไปอีกราว 15 เมตร จะเป็นเนินที่ประดิษฐานพระพุทธมังคลานุภาพลาภสุขสันติและศาลาทรงเก๋งจีน อนุสรณ์สถานของนายพลหลี่ ผู้นำ ทจช. ในอดีต จากเนินตรงนี้เดินลงไปอีก 30 เมตร ก็จะพบทางขึ้นไปชม ป่าหินยูนนาน ซึ่งเป็นหินรูปทรงลักษณะคล้ายภูเขาในประเทศจีนที่มีรูปทรงสูงๆ หลายแหลมขึ้นสลับทับซ้อนสวยงามมาก ก่อนจะไปถึง ช่องเขาขาด ที่ห่างออกไปราว 30 เมตร ช่องเขามีลักษณะเป็นกินผาที่ขาดแยกจากกันเป็นช่องมองลงไปเห็นทิวทัศน์ประเทศลาวและสายแม่น้ำโขงได้ชัดเจนเช่นกันเพียงแต่เป็นหน้าผาสูงชัน ไม่มีเส้นทางเดินเลาะสันเขาเหมือนช่องผาบ่อง

จากจุดผาขาดเดินขึ้นดอยต่อไปยัง เนิน102 ระยะทางกว่า 300 เมตร จะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินทางฝั่งประเทศไทย และจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยงามกว้างไกลสุดสายตาทางฝั่งประเทศลาว ซึ่งตามจริงไม่เพียงชมทะเลหมอกทางฝั่งลาวได้ทางเดียวเท่านั้นทางฝั่งไทยก็สามารถชมได้ เห็นเป็นทิวหมอกละลอกคลื่นอยู่ไกลๆ หากขึ้นไปสำนักสงฆ์บ้านผาตั้ง ซึ่งห่างจาก เนิน102 ไปทางทิศตะวันตกราว 2 กิโลเมตร ก็จะเห็นทะเลหมอกบนทิวเขาฝั่งประเทศไทยได้สวยงามเช่นกัน

จากเนิน 102 ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 500 เมตร ก็จะเป็น จุดชมทะเลหมอก ที่กล่าวได้ว่าสวยงามที่สุดกว่าทุกยอดบนดอยผาตั้ง เรียกว่า เนิน103เพราะจะชมทะเลหมอกได้กว้างไกลแบบพานอรามาถัดออกไปอีก 700 เมตร ก็จะเป็น ภูผาหม่น จุดผจญภัยเดินป่าที่น่าตื่นเต้นและเป็นทางออกของ ถ้ำเพชร ที่มีจุดเริ่มต้นที่บ้านร่มฟ้าสยาม ตลอดความยาวในถ้ำกว่า 200 เมตร ที่มีหินงอกหินย้อยที่เป็นหินทราย เมื่อต้องแสงไฟจะทำให้ปรากฏประกายระยิบระยับสวยงาม

ค่ำคืนที่ผาตั้งช่างเงียบสงบ ท้องฟ้ามีเพียงเดือนกับดาว ราวไพรที่มีเสียงจักจั่นร้องกับกลิ่นหอมของ ดอกลำโพง ช่างเป็นค่ำคืนที่มีความสุขจริงๆ ใน ทริปการเดินทางนี้ เขาว่าที่นี่มีเสน่ห์ให้ชวนหลงไหลทั้ง ดอกซากุระ ที่จะบานพร้อมกันราวเดือนพฤศจิกายน อาหาร จีนยูนนาน และอาหารปลอดสารพิษ ได้จิบไวน์ผลไม้เมืองหนาวหรือชาจีนอุ่นๆ และการชมไร่กาแฟ อาราบีก้ากับเวลาที่เหลืออยู่ นับเป็นเวลาที่คุ้มค่าอะไรเช่นนี้

ที่มา: นิตยสารไกด์บุ๊ค (เชียงราย) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2549, หน้า 8-10

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลปอ ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย  โทร.053-918265 (อบต.ปอ)