ตามรายงานล่าสุดจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า ในปีนี้ภาคเหนือคาดว่าจะมีผลผลิตลำไยเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากปีที่แล้ว โดยจะให้ผลผลิตรวม 1.047 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 0.949 ล้านตันในปี 2566 เนื่องจากเกษตรกรดูแลรักษาต้นลำไยเป็นอย่างดี รวมถึงภาครัฐสนับสนุนให้ผลิตลำไยคุณภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้านลิ้นจี่กลับมีปริมาณผลผลิตลดลงประมาณ 18% จากปีที่แล้ว เนื่องจากสภาพอากาศร้อนสลับหนาวไม่เหมาะสมต่อการออกดอกติดผล โดยคาดว่าจะให้ผลผลิตรวม 2.72 หมื่นตัน ลดลงจาก 3.32 หมื่นตันในปี 2566
ลำไยภาคเหนือปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่เนื้อที่ให้ผลลดลง
จากการสำรวจข้อมูลของ สศก. พบว่า เนื้อที่ให้ผลของลำไยใน 8 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ ตาก แพร่ และน่าน) มีจำนวน 1.243 ล้านไร่ ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 ที่มีจำนวน 1.244 ล้านไร่ (ลดลง 0.10%) เนื่องจากเกษตรกรโค่นต้นลำไยเพื่อเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น อย่างไรก็ตาม ปริมาณผลผลิตรวมกลับเพิ่มขึ้นถึง 10.24% จาก 0.949 ล้านตัน ในปี 2566 เป็น 1.047 ล้านตัน ในปี 2567 โดยผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้นจาก 763 กก./ไร่ เป็น 842 กก./ไร่ (เพิ่มขึ้น 10.35%) เนื่องจากเกษตรกรดูแลรักษาต้นลำไยเป็นอย่างดี
ลิ้นจี่ภาคเหนือผลผลิตลดลงจากสภาพอากาศไม่เหมาะสม
ในส่วนของลิ้นจี่ใน 4 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ และน่าน) พบว่า เนื้อที่ให้ผลมีจำนวน 7.30 หมื่นไร่ ลดลงจากปี 2566 ที่มี 7.52 หมื่นไร่ (ลดลง 2.86%) เนื่องจากเกษตรกรบางส่วนปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตรวมลดลงจาก 3.32 หมื่นตัน ในปี 2566 เป็น 2.72 หมื่นตัน ในปี 2567 (ลดลง 18.14%) โดยผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลลดลงจาก 442 กก./ไร่ เป็น 372 กก./ไร่ (ลดลง 15.84%) เนื่องจากสภาพอากาศร้อนสลับหนาวไม่เหมาะสมต่อการออกดอกติดผล
แนวโน้มการตลาดลำไยและลิ้นจี่ภาคเหนือ
สำหรับแนวโน้มการตลาดในปีนี้ สศก. คาดว่า ผลผลิตลำไยจะออกสู่ตลาดมากในเดือนสิงหาคม ประมาณ 38.72% หรือ 4.05 แสนตัน ขณะที่ลิ้นจี่จะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนเมษายน – กรกฎาคม และจะออกสุดมากในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน รวมประมาณ 93.03% หรือ 2.53 หมื่นตัน ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการผลไม้ของภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง