วันที่ 29 เมษายน 2568 นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พร้อมด้วยนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์แม่น้ำสาย ณ จุดสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมา แห่งที่ 1 อำเภอแม่สาย หลังเกิดฝนตกในพื้นที่ฝั่งเมียนมา ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมทั้งฝั่งไทยและฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
นายภาสกรเปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วมแม้ฝนตกเพียงเล็กน้อย สะท้อนว่าระดับท้องน้ำของแม่น้ำสายตื้นลงอย่างมากจากเดิมที่เคยกว้างกว่า 200 เมตร ปัจจุบันเหลือเพียงไม่ถึง 50 เมตร โดยตะกอนดินจำนวนมากเกิดจากอุทกภัยเมื่อปลายปี 2567 และยังไม่เคยมีการขุดลอกแม่น้ำสายมาก่อน
รัฐบาลไทยและเมียนมาเคยตกลงแบ่งพื้นที่รับผิดชอบในการขุดลอกแม่น้ำสาย โดยฝั่งเมียนมาจะรับผิดชอบช่วงต้นน้ำที่ไหลผ่านเมืองท่าขี้เหล็ก ส่วนฝั่งไทยจะดำเนินการขุดลอกแม่น้ำรวกบริเวณตอนล่าง ซึ่งทางไทยมีแผนจะแล้วเสร็จภายใน 20 มิถุนายนนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบว่าฝั่งเมียนมามีการเริ่มใช้เครื่องจักรใด ๆ ในการขุดลอก นายภาสกรจึงได้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเร่งประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดท่าขี้เหล็ก เพื่อผลักดันให้เร่งดำเนินการก่อนฤดูฝนเดือนพฤษภาคมมาถึง
เขายังกล่าวด้วยว่า “ปีนี้ฝนอาจจะไม่มากกว่าปีที่แล้ว แต่ความรุนแรงของพายุฝนในแต่ละครั้งอาจทวีคูณ เช่นเหตุการณ์ Rain Bomb ที่เคยเกิดขึ้นในเชียงรายภายใน 24 ชั่วโมง ฝนตกหนักถึง 400-500 มิลลิเมตร หากแม่น้ำสายยังตื้นอยู่แบบนี้ น้ำฝนเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำอีก”
ปัจจุบันฝ่ายไทยได้เริ่มดำเนินการขุดลอกแม่น้ำสายแล้ว โดยกรมการทหารช่าง มณฑลทหารบกที่ 37 และกองกำลังผาเมือง ได้ร่วมกันขุดลอกแม่น้ำสายและก่อสร้างพนังป้องกันน้ำแบบกึ่งถาวร ระยะทางรวม 3 กิโลเมตร จากชุมชนหัวฝายถึงสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 ขณะที่ฝั่งเมียนมาก่อสร้างพนังตลอดแนวแต่ยังไม่มีการลงพื้นที่ขุดจริง
ปภ.ระบุว่าจะใช้ช่องทางการเจรจาทั้งระดับผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น (TBC) เพื่อเร่งรัดความร่วมมือจากเมียนมาในการป้องกันภัยล่วงหน้า