ตามที่ ปรากฏสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ระลอกใหม่กระจายไปในหลายท้องที่ของประเทศไทย และมีการตรวจพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายไหมโดยเฉพาะกรณีที่เป็นการติดเชื้ภายในประเทศมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวัน ประกอบกับมีการเดินทางของบุคคลจากเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดให้เป็นขตควบคุมสูงสุดซึ่งโดยส่วนใหญ่ยังไม่ปรากฏอาการของโรคเป็นเหตุให้เชื้อโรคแพร่ออกไปในลักษณะที่เป็นกลุ่มก้อน และนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ฉบับที่ ๑๕ และ ฉบับที่ ๑๖เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกันมิให้เกิดการระบาดลุกลามเป็นวงกว้าง นั้น
เพื่อเป็นการควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)ในพื้นที่จังหวัดเซียงราย และการดำเนินการมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD – 19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ผศ. ๒๕๔๘ ฉบับที่ ๑๕ และฉบับที่ ๑๖ ประกอบมาตรา ๒๒ (๑) (๗)แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต พศ. ๒๕๕๘ ผู้ว่าราชการจัหวัดเชียงราย โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชีงราย ในคราวประชุมฯ ครั้งที่ /๒๕๖๔ วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๔ จึงมีประกาศให้การจัดกิจกรรมที่มีการชุมนคนจำนวนมาก ตั้งแต่ ๑,๐๐๐ คนขึ้นไป หรือกิจกรรมที่มีบุคคลเดินทางมาจากหลายพื้นที่งได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเชียงราย และให้ผู้จัดกิจกรรมดำเนินการดังต่อไปนี้
๑.บริการตรวจวัดอุณหภูมิร่งกาย หรืการคัดกรองอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ
๒.ให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
๓.อำนวยความสะดวกในกรเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อยหนึ่งเมตรและจำกัด จำนวนผู้ร่วมกิจกรรมในพื้นที่ที่จัดกิกรมมิให้แออัด โดยคำนวณพื้นที่ในอัตราส่วน ๑ คน ต่อ ๔ ตารางเมตร
๔.จัดให้มีที่ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์เจลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
๕.จัดให้มีการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้องก่อนการทำกิจกรรม รวมทั้งระหว่างและภายหลังการทำกิจกรรมด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔
นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย
