วันจันทร์, 24 มีนาคม 2568

ออมสิน ปล่อยกู้ให้คนหาเช้ากินค่ำ รายละไม่เกิน 3 แสนบาท

ครม. อนุมัติ 1.5 พันล้านบาท ให้ ธ.ออมสิน ปล่อยกู้ให้คนหาเช้ากินค่ำ ตามมาตรการ “สินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ”

วันนี้ (23 พ.ย.64) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ธนาคารออมสินดำเนินมาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ โดยอนุมัติวงเงิน 1,500 ล้านบาท ในส่วนที่ธนาคารออมสินขอชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ร้อยละ 30 ของวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อ เพื่อเป็นเงินเริ่มทุนเริ่มต้นในการประกอบอาชีพ หรือเสริมสภาพคล่องให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ทั้งยังช่วยลดการพึ่งพาสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงหรือสินเชื่อนอกระบบ

สำรับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 

1. ผู้เริ่มประกอบอาชีพและผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ผู้ผ่านการอบรมอาชีพ “ช่าง” ทุกประเภท เช่น ช่างปูน ช่างแอร์ ช่างไฟฟ้าช่างเชื่อม ช่างซ่อมอุปกรณ์ เป็นต้น และผู้ที่ไม่ใช่ช่าง เช่น เสริมสวยหรือตัดผมชาย คนขายของออนไลน์ เป็นต้น โดยมีใบประกาศนียบัตรหรือวุฒิบัตรที่ผ่านการอบรมจากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนหรือเอกสาร อื่นๆ ตามประเภทของอาชีพหรือมีประสบการณ์ ในการประกอบอาชีพดังกล่าว
2. ผู้ประกอบการขนาดย่อมที่มีสถานที่จำหน่ายแน่นอน เช่น ค้าปลีก ค้าส่ง โชห่วย แฟรนไชส์ เป็นต้น โดยมีทะเบียนพาณิชย์ ทะเบียนการค้า สัญญาแฟรนไซส์ หรือเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของอื่นๆ
3. ผู้ขับขี่รถสาธารณะ เช่น ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ รถตู้สาธารณะ รถขนส่งสินค้า รถบรรทุก โดยมีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะหรือเอกสาร อื่นๆตามประเภทของอาชีพ

วงเงินปล่อยสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท โดยจะปล่อยสินเชื่อไมเกินรายละ 3 แสนบาท เริ่มตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ 23 พฤศจิกายน 2564 ถึง 30 กันยายน 2565 รวมระยะเวลาทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 5 ปี (ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.99 ต่อปี

“แม้สถานการณ์โควิด-19 ในไทยจะคลี่คลาย แต่ยังมีประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ทั้งรายได้ลดลง ขาดเงินทุนสำหรับการมาเริ่มประกอบอาชีพใหม่ หรือต้องการเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ ดังนั้น คณะรัฐมนตีจึงเห็นชอบให้ธนาคารออมสิน ดำเนิน “มาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ” ซึ่งธนาคารออมสินยังจะจัดให้มีการฝึกอบรม เพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงินละยกระดับทักษะในการประกอบอาชีพให้กับลูกค้า รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์การค้าและสถานที่จำหน่ายสินค้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยเหลือประชาชนให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ประมาณ 60,000 รายด้วย”  นายธนกรฯ กล่าวเพิ่มเติม

ที่มา https://news.ch7.com