ครูบาศรีวิชัย หรือ พระสีวิไชย เป็นพระเถระชาวจังหวัดลำพูน ผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างและบูรณะพุทธศาสนสถานหลายแห่งทั่วภาคเหนือของประเทศไทย จนได้รับการขนานนามว่า ตนบุญแห่งล้านนา
ครูบาศรีวิชัย เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2421 เดิมชื่อ อินทร์เฟือน ไม่ทราบนามสกุล เป็นบุตรของนายควาย และ นางอุสาห์ ชาวบ้านปาง ตำบลแม่ตืน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ได้ศึกษาเล่าเรียนทางวิปัสสนาจนมีความ รู้แตกฉานเป็น ที่เคารพของชาวล้านนาทั่วไปจนพากันเรียกว่า”ครูบา”ซึ่งหมายถึง พระภิกษุอาวุโส ตลอดชีวิตของครูบาศรีวิชัยได้บูรณะซ่อมแซมวัดวาอารามต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก เช่น การสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ , การบูรณะวัดสวนดอก บูรณะวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นต้น ครูบาศรีวิชัย มรณภาพลง เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 ที่วัดบ้านปาง จังหวัดลำพูน อายุ 60 ปีเศษพรรษได้ 40 พรรษา ตลอด ชีวิตได้ดำรงสมณเพศเป็นภิกษุผู้ที่ปฏิบัติเคร่งครัด เป็นภิกษุผู้ทรงคุณธรรม มักนิยมสันโดษ ฉันอาหาร วันละ 1 มื้อ เว้นฉันปลา เนื้อ นอกจากผักและถือมังสวิรัติ เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์แก่พุทธศาสนาและสังคม จึงถือเป็นพระอริยสงฆ์รูปสำคัญยิ่งแห่ง ล้านนา เปี่ยมล้นไปด้วยคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ จึงมีผู้คนเคารพยกย่องท่านตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
ครูบาศรีวิชัยเกิดเมื่อวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421 ปีขาล เวลาพลบค่ำ ขณะนั้นมีพายุฟ้าร้องรุนแรง จึงตั้งชื่อว่า อินตาเฟือน หรือ อ้ายฟ้าร้อง บิดาชื่อควาย ส่วนมารดาชื่ออุสา นายควายบิดาเป็นบุตรของนายอ้าย กับนางน้อยธิดาของหมื่นผาบ (มาต่า) หมอคล้องช้างชาวกะเหรี่ยงแดงจากเมืองกันตรวดีที่เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ชวนมาอยู่ลำพูนด้วยกัน ส่วนนางอุสามารดาของท่าน บางแห่งว่าเป็นชาวเมืองเชียงใหม่ บ้างว่าเป็นธิดาหนานไจยา ชาวเมืองลี้ เพ็ญสุภา สุขคตะสรุปว่าครูบาศรีวิชัยมีเชื้อสายกะเหรี่ยงแดงจากฝั่งบิดา และอาจมีเชื้อสายกะเหรี่ยงขาวและยองจากฝั่งมารดา
เมื่ออายุได้ 18 ปี ท่านคิดว่าชาตินี้เกิดมายากจนเพราะในอดีตไม่ได้ทำบุญไว้เพียงพอ จึงควรออกบวชรักษาศีลปฏิบัติธรรมไว้เพื่อประโยชน์สุขในภายหน้า และจะได้ตอบแทนพระคุณมารดาบิดาทางหนึ่งด้วย ท่านจึงลาบิดามารดาไปอยู่วัดบ้านปาง ศึกษาเล่าเรียนและบวชเป็นสามเณรกับพระอาจารย์ขัติยะ (หรือครูบาแข้งแขะ เพราะท่านเดินขากะเผลก) จนอายุได้ 21 ปี จึงได้อุปสมบทในอุโบสถวัดบ้านโฮ่งหลวง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน โดยมีครูบาสมณะ วัดบ้านโฮ่งหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาในการอุปสมบทว่า “สีวิเชยฺย” มีนามบัญญัติว่า พระศรีวิชัย
ศาสนกิจ
หลังจากอุปสมบท ท่านได้ศึกษาไสยศาสตร์กับครูบาขัตติยะและครูบาอุปปละ แล้วมาศึกษากรรมฐานกับพระอุปัชฌาย์ที่วัดบ้านโฮ่งหลวง เมื่อกลับมาอยู่วัดบ้านปาง ท่านมักเจริญภาวนาในป่า ฉันภัตตาหารมื้อเดียว ฉันมังสวิรัติ ไม่ฉันของเสพติด เช่น หมาก พลู บุหรี่ เมี่ยง ทำให้ประชาชนเลื่อมใสท่านมาก เมื่อท่านทราบว่าที่ใดยังขาดเสนาสนะที่จำเป็นหรือกำลังชำรุดทรุดโทรม ท่านจะเป็นผู้นำชาวบ้านไปก่อสร้างจนสำเร็จ ผลงานที่สร้างชื่อเสียงมากที่สุดคือการถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่มีระยะทางทั้งหมด 11.530 กิโลเมตร โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2477 แล้วเสร็จในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2478
อธิกรณ์
ชื่อเสียงของครูบาเจ้าศรีวิชัยทำให้พระสังฆาธิการในจังหวัดลำพูนบางรูปนำโดยเจ้าคณะจังหวัดลำพูนตั้งอธิกรณ์กล่าวหาว่าท่าน 8 ข้อ เช่น ทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์ ซ่องสุมกำลังผู้คน คิดขบถต่อบ้านเมือง และนำท่านไปจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ จากนั้นจึงได้ส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงทรงตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องพระศรีวิชัย ประกอบด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ พระญาณวราภรณ์ (ม.ร.ว.ชื่น สุจิตฺโต) และพระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) ได้ถวายรายงานมีความเห็นว่า ข้อ 1-5 ซึ่งเกี่ยวกับการไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง พระศรีวิชัยรับสารภาพและได้รับโทษแล้ว ข้อที่เหลือซึ่งเกี่ยวกับการอ้างคุณวิเศษ พระศรีวิชัยไม่มีความผิด เพราะประชาชนเล่าลือไปเอง และเจ้าคณะลงโทษเกินไป ควรปล่อยพระศรีวิชัยกลับภูมิลำเนา สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณโรรสทรงเห็นชอบ
มรณภาพ
ครูบาเจ้าศรีวิชัยมรณภาพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 (เมื่อก่อนนับศักราชใหม่ในวันสงกรานต์ ถ้าเทียบปัจจุบันจะเป็นต้นปี พ.ศ. 2482) ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน สิริอายุได้ 60 ปี ตั้งศพไว้ที่วัดบ้านปาง เป็นเวลา 1 ปี จึงได้เคลื่อนศพมาตั้งไว้ ณ วัดจามเทวี อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน จนกระทั่งวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2489 จึงได้รับพระราชทานเพลิงศพ โดยมีประชาชนมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพจำนวนมาก และประชาชนเหล่านั้นได้เข้าแย่งชิงอัฏฐิธาตุของครูบาศรีวิชัย ตั้งแต่ไฟยังไม่มอดสนิท แม้แต่แผ่นดินตรงที่ถวายพระเพลิง ก็ยังมีผู้ขุดเอาไปสักการบูชา อัฏฐิธาตุของท่านที่เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมได้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 7 ส่วน แบ่งไปบรรจุตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วแผ่นดินล้านนาดังนี้
- ส่วนที่ 1 บรรจุที่ วัดจามเทวี จ.ลำพูน
- ส่วนที่ 2 บรรจุที่ วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่
- ส่วนที่ 3 บรรจุที่ วัดพระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง
- ส่วนที่ 4 บรรจุที่ วัดศรีโคมคำ จ.พะเยา
- ส่วนที่ 5 บรรจุที่ วัดพระธาตุช่อแฮ จ.แพร่
- ส่วนที่ 6 บรรจุที่ วัดน้ำฮู จ.แม่ฮ่องสอน
- ส่วนที่ 7 บรรจุที่ วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จ.ลำพูน