วันจันทร์, 7 ตุลาคม 2567

ชมทะเลหมอก ดอกซากุระ จิบกาแฟ ลิ้มรสอาหารชนเผ่าอาข่า ณ บ้านปางขอน

18 ต.ค. 2021
1167

ชมวิวธรรมชาติ 360 องศา ทะเลหมอก ดอกซากุระ จิบกาแฟอินทรีย์ ลิ้มรสชาดอาหารชนเผ่าอาข่า ณ บ้านปางขอน จ.เชียงราย

บทความโดย พูนทรัพย์  ทองทาบ 

ที่มา www.dailynews.co.th

หมู่บ้านปางขอน ตำบลห้วยชมพู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ถือว่าเป็น 1 ใน 12 หมู่บ้าน ท่องเที่ยววิถีกาแฟที่ผู้มาเยือนต่างประทับใจกับการชมวิวธรรมชาติ 360 องศา ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศ ทะเลหมอก ที่งดงามไม่เหมือนที่ใด ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ เต็มปอดตลอดทั้งปี ที่สำคัญได้ชมเสน่ห์ความงามของดอกซากุระหรือ ดอกพญาเสือโคร่งผสมผสานกับการจิบกาแฟอินทรีย์ในวิถีชีวิตชนเผ่า ทั้งลิ้มรสชาดอาหารพื้นบ้านที่ใครได้มาชิมแล้วต้องติดใจจนต้องกลับมาเยือนปางขอนอีกครั้ง

ชุมชนปางขอนยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ ที่เกิดจากคนรุ่นใหม่ที่สำนึกรักบ้านเกิด จึงเกิดความร่วมมือระหว่างชุมชนและสำนักวิชาการการจัดการ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง(มฟล.) ที่เข้ามาช่วยพัฒนาหมู่บ้านจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกแห่งที่น่าสนใจ  

วันนี้เราไปนั่งพูดคุยกับ ผศ.ดร.บุษบา สิทธิการ ทีมผู้วิจัย มฟล.ว่าทางมฟล.ได้เข้าไปช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์แห่งนี้กันอย่างไรบ้าง  ผศ.ดร.บุษบา เล่าให้ฟังว่า มฟล.มีโครงการบริการวิชาการ ที่เน้นการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของชุมชน ในการบริหารจัดการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์  ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2555 โดยการเปิดอบรมให้แก่ชุมชนที่สนใจ ขณะเดียวกันก็ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับชุมชนชาติพันธุ์ในจังหวัดเชียงราย เพื่อนำมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์ ซึ่งพบว่าในจังหวัดเชียงรายมีหมู่บ้านชาติพันธุ์ที่มีการปลูกชากาแฟรวมตัวกัน 19 พื้นที่ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป  โดยที่เลือกชุมชนปางขอน เป็นพื้นที่นำร่อง ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นพื้นที่ใกล้เมืองมากที่สุด เดินทางสะดวก และมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจที่ต้องการจะพัฒนาต่อยอดสร้างการท่องเที่ยวบนฐานทรัพยากรกาแฟที่มีอยู่

ผศฺ.ดร.บุษบา เล่าอีกว่า สิ่งแรกที่ทำคือการนำศักยภาพของชุมชนที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาด้วยการอบรมเกี่ยวกับนวัตกรรมการท่องเที่ยวคือการนำเอากระบวนการการให้บริการควรจะเป็นอย่างไร  การเพิ่มคุณค่าหรือมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างไร  เช่น การนำผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นมาทำเป็นสินค้าของที่ระลึก  เช่น ผ้าปัก สร้อย  ต่างตุ้มหู เป็นต้น  นอกจากนี้ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปแล้วจะต้องไม่กระทบสิ่งแวดล้อมในภาพรวม อีกทั้งต้องเน้นเป็นพิเศษเรื่องเส้นทางการท่องเที่ยวต้องมีความปลอดภัย อย่างไรก็ตามชุมชนปางขอนน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี

คราวนี้ไปฟังเสียงคนรุ่นใหม่ที่บุกเบิกชุมชนปางขอน   อินทฤทธิ์ วุยยะกู่ พ่อหลวงหมู่บ้านปางขอน บอกว่า  จุดเด่นของบ้านปางขอนคือ อากาศเย็นตลอดทั้งปี มีทะเลหมอกให้ชมตลอด และก็มีดอกพญาเสือโคร่งที่ โครงการหลวงก็จะบานเต็มดอยในช่วงเดือนปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคม คนในชุมชนมีอาชีพหลักคือการปลูกกาแฟ และตอนนี้ที่ชุมชนตั้งเป็นกลุ่มท่องเที่ยวปางขอนด้วย มีโฮมสเตย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว  หรือถ้าใครอยากจะมากางเต็นท์ก็ได้ เพราะมีลานกางเต็นท์ ตื่นขึ้นมาก็จะได้ชมทะเลหมอก  ทั้งนี้ชุมชนปางขอนถือว่ายังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนยังไม่ค่อยรู้จักมากนักจึงเปิดให้เข้ามาท่องเที่ยวได้ตลอด  แต่ในอนาคตถ้ามีคนมาท่องเที่ยวมากก็อาจจะต้องมีการปิดและเปิดให้ท่องเที่ยว เพื่อต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติ  อย่างไรก็ตามการที่มฟล.เข้ามาช่วยชุมชนปางขอน ทั้งเรื่องการแนะนำเกี่ยวกับท่องเที่ยว การเปลี่ยนวิถีชีวิตการปลูกกาแฟ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้นและผลิตภัณฑ์ของชุมชน ถือว่าเป็นการพลิกชีวิตให้แก่คนในชุมชนปางขอน จากที่ในหมู่บ้านไม่มี รถสักคัน ก็มีรถ มีบ้านใหม่ ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น คนรุ่นใหม่ก็กลับมาอยู่ในชุมชนด้วย เพราะมีอาชีพ และได้อยู่กับครอบครัวด้วย

ด้านเกตศนี เยส่อกู หรือ “เกด” คนรุ่นใหม่ เล่าว่า  ปางขอนเป็นชุมชนชาติพันธุ์ อยากให้ทุกคนได้มาเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ กันว่าเป็นอย่างไร  มาสัมผัสธรรมชาติ ลองมาจิบกาแฟปางขอนที่ปัจจุบันก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้างแล้ว  ได้มาเรียนรู้กระบวนการแปรรูป กะเทาออก คั่ว และดิฟ ชิมเองจะรู้ว่ากาแฟแก้วละ  80 -90 บาทไม่แพงเลย  นอกจากนี้อยากให้มาชิมรสชาติอาหารพื้นเมือง “1 สำรับ 5 เมนู” คือ ลาบห่อใบกาแฟ หมูล่มควน   ไก่ต้มตังกุ่ย น้ำพริกมะเขือเทศ และผักตามฤดูกาล  

ที่มา www.dailynews.co.th