วันจันทร์, 13 มกราคม 2568

ประกาศแล้ว ปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด 41 จังหวัด มีผลวันนี้ (10 เม.ย.64) กันโควิด-19

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม
พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตังกล่าวออกไป
เป็นระยะอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ ๓๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น
โตยที่สถานการณ์การระบาตของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และผู้ติดเชื้อได้กระจายตัวออกไปในหลายพื้นที่
อย่างรวดเร็ว จากการติตตามและสอบสวนโรคของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุขพบว่ การแพร่ระบาด
ในลักษณะกลุ่มก้อนนี้ ผู้ติดเชื้อหลายรายมีกรณีเชื่อมโยงกับการเข้าใช้บริการของสถานบันเทิง
หรือสถานบริการประเภทต่าง 1 โตยที่มีได้แสดงอาการของโรคและใต้แพรโรคออกไปยังผู้สัมผัสใกล้ชิด
ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นเชื้อโรคสายพันธุ์ที่สามารถระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ปกติ ประกอบกับการเริ่มเข้าสู่
ช่วงเทศกาลวันหยุดที่เป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้น หากไม่ดำเนินการเข้าควบคุมก็อาจเกิดการรวมกลุ่มของบุคคล
ในสถานที่ดังกล่าวโตยละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด รัฐบาล
โดยข้อเสนอของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสาธารณสุข
จึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดและเร่งด่วนสำหรับสถานที่เสี่ยงต่อการแพรโรคนี้เพื่อป้องกัน
และระงับยับยั้งการระบาดของโรคมีให้แพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๑
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นติน พ.ศ. 6๕๓๔ นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนต
และข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้
ข้อ ๓ การปิดสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพรโรค ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
หรือผู้ว่าราชการจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติตต่อกรุงเทพมหานครหรือ
คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อพิจารณาสั่งปิด
สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ
สถานประกอบกิจการอาบน้ำ สถานประกอบกิจการอาบอบนวด หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน
ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดที่ใด้ตรวจพบการระบาดแล้วและมีความเสี่ยงต่อการแพรโรคที่จำเป็น
ต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วนตามบัญชีแนบท้ายข้อกำหนดนี้ โตยให้สั่งบิดสถานที่ตังกล่าวไว้
เป็นการชั่วคราวอย่างน้อยสิบสี่วัน

สำหรับสถานบริการหรือสถานที่ตามวรรคหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดอื่นนอกจากที่กำหนดไว้
ในบัญชีแนบท้ายข้อกำหนดนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
มีอำนาจในการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยรคติดต่อ พิจารณาสั่งปิดสถานที่นั้นเป็นการชั่วคราวไต้
หากเห็นว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพรโรคตามความเหมาะสมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่
ทั้งนี้ ให้เป็นไปตมมาตรการหรือแนวปฏิบัติที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
ข้อ ๒ การพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการ เพื่อให้การบริหารจัดการ
และการบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาตในสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคโควิต – 19
เป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงซึ่งอาจมีความแตกต่างกัน
ในแต่ละเขตพื้นที่ ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัด โดยความเห็นชอบ
ของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี
เสนอต่อศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิต – 19 (ศปก.ศบต.) เพื่อตรวจสอบ กลั่นกรอง
และประเมินความเหมาะสม ก่อนเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในการพิจารณาอนุญาตให้ผ่อนคลาย
การบังคับใช้มาตรการกับสถานที่ที่ได้มีคำสั่งให้ปิดเป็นการชั่วคราวตามข้อ ๑ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัด
ตามบัญชีแนบท้ายข้อกำหนดนี้
ข้อ ๓ การตรวจสอบการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคและการจัดระเบียบ
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และหนักงานเจ้าหน้าที่อื่น
ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ประสานการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิตและเพิ่มความเข้มงวตในการเข้าตรวจพื้นที่
สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของสถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมนั้น 1 ให้เป็นไปตามเงื่อนไข เงื่อนเวลา
การจัตระบบและระเบียบต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด
พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจให้คำแนะนำ ตักเตือน ห้ามปราม และมีอำนาจกำหนดระยะเวลา
เพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ เจ้าของ หรือผู้จัดการสถานที่ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข รวมทั้งเสนอให้
ผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าตัวยโรคติดต่อพิจารณาสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวก็ไต้ ทั้งนี้ ให้เป็นไป
ตามมาตรการหรือแนวปฏิบัติที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอยา
นายกรัฐมนตรี